บริการเพิ่มมูลค่าในโลจิสติกส์: ยกระดับห่วงโซ่อุปทานให้เหนือชั้น
- 2 มิ.ย.
- ยาว 1 นาที

ในตลาดโลกยุคปัจจุบันที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างก้าวกระโดด การแข่งขันด้านโลจิสติกส์ก็ยิ่งร้อนแรง การจะก้าวนำคู่แข่งได้ สินค้าและบริการต้องสร้าง "มูลค่าเพิ่ม" ที่โดดเด่นกว่า ซึ่งในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์นั้น มูลค่าเพิ่มนี้สร้างได้ผ่าน "บริการเพิ่มมูลค่า" (Value-Added Services) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานอย่างยั่งยืน
บริการเหล่านี้ช่วยวิเคราะห์จุดอ่อนในกระบวนการของธุรกิจ และเสนอแนวทางปรับปรุงเพื่อให้ห่วงโซ่อุปทานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวดเร็วขึ้น และมีคุณภาพเหนือกว่า โดยสามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้ง ก่อนขนส่ง ระหว่างขนส่ง และหลังขนส่ง เพื่อเพิ่มศักยภาพครบทุกขั้นตอน
ประเภทบริการเพิ่มมูลค่าในโลจิสติกส์
บริการเสริมมูลค่าที่จับต้องได้ (Tangible Value-Added): ประกอบด้วยการปรับปรุงทางกายภาพหรือวัสดุในกระบวนการโลจิสติกส์ที่ให้ประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม
ตัวอย่าง: การบรรจุหีบห่อพิเศษสำหรับสินค้าที่เปราะบาง เพื่อรักษาความสมบูรณ์ระหว่างการขนส่ง รวมถึงการจัดเรียงสินค้าและเอกสารอย่างมีระบบ เพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในกระบวนการห่อหุ้ม
บริการเสริมมูลค่าด้านการบริการ (Service Value-Added): มุ่งเน้นไปที่การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าเหนือกว่าหน้าที่พื้นฐานของโลจิสติกส์ เช่น การจัดเก็บ การขนส่ง และการกระจายสินค้า
ตัวอย่าง: บริการติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบการขนส่งของตนเองได้ การดูแลแบบเฉพาะบุคคลและการแก้ปัญหาเชิงรุกช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
บริการเสริมมูลค่าด้านฟังก์ชัน (Functionality Services): ให้คุณค่าเพิ่มเติมผ่านเทคโนโลยีขั้นสูงและบริการเฉพาะทาง
ตัวอย่าง: ระบบอัตโนมัติในคลังสินค้าเพื่อปรับปรุงการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง บริการ Pick and Pack, cross-docking และการจัดส่งคำสั่งซื้อจากอีคอมเมิร์ซ รวมถึงการจัดการสินค้าคืน
บริการเสริมมูลค่าด้านเทคโนโลยี (Technological Services): ประกอบด้วยเครื่องมือดิจิทัลและโซลูชันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการและเพิ่มความโปร่งใสของซัพพลายเชน
ตัวอย่าง: การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI), อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT), Big Data, หุ่นยนต์ และบล็อกเชนมาใช้ในกระบวนการโลจิสติกส์ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและการมองเห็นของซัพพลายเชน
บริการเสริมมูลค่าด้านการปรับแต่ง (Customization Services): ปรับกระบวนการโลจิสติกส์ให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย ช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
ตัวอย่าง: การออกแบบเส้นทางการจัดส่งเฉพาะเพื่อให้ตรงตามเวลาหรือสถานที่ที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงบริการติดฉลากแบบเฉพาะบุคคล เช่น การใส่บาร์โค้ดและองค์ประกอบระบุตัวตนอื่นๆ
บริการเสริมมูลค่าด้านการสื่อสาร (Communication Services): ช่วยเพิ่มความโปร่งใสและการทำงานร่วมกันในซัพพลายเชน อำนวยความสะดวกในการตัดสินใจและลดความเสี่ยง
ตัวอย่าง: ระบบติดตามที่แสดงสถานะของการขนส่งในแต่ละช่วงผ่าน GPS เพื่อให้มองเห็นได้แบบเรียลไทม์ การติดตามการขนส่ง ตู้คอนเทนเนอร์ และใบสั่งซื้อ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้า และแสดงให้เห็นถึงการดำเนินการโลจิสติกส์ที่ดี
การนำบริการเสริมมูลค่ามาใช้ในโลจิสติกส์ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการ แต่ยังเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ในการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า การให้ประโยชน์ทั้งที่จับต้องได้และด้านอารมณ์ เช่น การปรับแต่งบริการ และการดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร มีส่วนช่วยในการรักษาฐานลูกค้าและการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูง
กำลังมองหาบริการโลจิสติกส์ที่ก้าวข้ามกรอบเดิมๆ อยู่หรือไม่? ที่ SPARX เรามีบริการเฉพาะบุคคล การติดตามแบบเรียลไทม์ และการดูแลลูกค้าแบบครบวงจร เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของคุณไปพร้อมกับเรา
Comments